วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2562


Degressive lens เลนส์ระยะกลาง-ใกล้ เป็นเลนส์ที่ครอบคลุมการมองเห็นระยะกลาง – ใกล้ เป็นเลนส์ที่มาเติมเต็มในส่วนของเลนส์โปรเกรสซีฟที่ไว้สำหรับการใช้งานในทุกระยะ โดยเฉพาะในการมองระยะกลางนั้นผู้ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟจะทราบกันดีว่าในการมองที่ระยะกลางหรือมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ระยะกลางของเลนส์มองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ดังนั้นการที่เงยหน้ามองคอมตลอดทั้งวันในช่วงเวลาทำงานในระยะยาวๆติดต่อกันหลายชั่วโมงอาจทำให้เกิดอาการเมื่อยต้นคอ และไม่สบายตา ด้วยปัญหาเหล่านี้จึงมีเลนส์เฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาคนที่มีภาวะสายตายาวตามวัยที่ต้องนั่งทำงานบนโต๊ะทำงานเป็นระยะเวลานานๆ นั่นก็คือ เลนส์ดีเกรสซีฟ

Degressive lens คืออะไร
เลนส์ที่มีการไล่ค่าสายตาบนตัวเลนส์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถกำหนดเองได้ว่าต้องการระยะใกล้สุดไปจนถึงไกลสุดที่ระยะเท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 40 เซนติเมตร จนไปถึง 1-3 เมตร เลนส์ดีเกรสซีฟออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาคนที่มีภาวะสายตายาวตามวัยที่ต้องนั่งทำงานบนโต๊ะทำงานดเป็นระยะเวลานานๆ โดยเฉพาะ ในคนที่มีปัญหาสายตายาวตามวัย 40+ แล้วใส่แว่นอ่านหนังสือก็จะมองชัดในระยะอ่านหนังสือเท่านั้น แต่ถ้านั่ง ทำงานบนโต๊ะทำงานแล้วมองจอคอมพิวเตอร์เมื่อมองผ่านแว่นก็จะเบลอ ทำให้ต้องถอดแว่นออกหรือมองรอดแว่นเพื่อให้ มองเห็นจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งเลนส์ดีเกรสซีฟจะทำให้สามารถมองเห็นที่ระยะหน้าจอคอมพิวเตอร์ชัดเลยไม่ต้องถอดแว่นออก

Degressive Lens เหมาะกับใคร
เลนส์กลุ่มนี้เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่ทำงานระยะกลางใกล้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง เช่น ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ต้องใช้งานในระยะใกล้กว่าปกติเช่น 20ซม.-80ซม. กลุ่มคนที่ใช้เลนส์สายตาแค่เฉพาะในห้องทำงาน หรือภายในบ้านเท่านั้น ลักษณะการใช้สายตาเฉพาะบางอาชีพ เช่น นักเขียน วาดรูป ที่ต้องอยู่ในระยะใกล้มากเป็นพิเศษ งานฝีมือ ที่ต้องการความคมชัดในระยะใกล้ และหยิบจับสิ่งของต่างๆบนโต๊ะทำงาน แพทย์ ที่อยู่ในห้องตรวจ ห้องผ่าตัด ในระยะไม่เกิน 3 เมตร ทนาย ที่ปรึกษาต่างๆ ซึ่งต้องมองหน้าคู่สนทนาภายในห้องทำงาน หรือห้องประชุม ไปพร้อมๆกับการอ่านเอกสารระยะใกล้

ใช้เลนส์ดีเกรสซีฟคู่กับเลนส์โปรเกรสซีฟได้หรือไม่ 
หลายท่านสงสัยว่าใช้เลนส์โปรเกรสซีฟด้วย ทำไมต้องมีแว่นหลายอัน ใส่สลับกันจะมีอาการมึนงงมั้ย ต้องตอบว่าเลนส์ดีเกรสซีฟนั้นเป็นเหมือนตัวช่วยเสริมในส่วนที่เลนส์โปรเกรสซีฟทำไม่ได้ ทั้งเรื่องพื้นที่การมองเห็นระยะกลางที่กว้างมากกว่าเลนส์โปรเกรสซีฟ จึงเกิดความสบายมากกว่า และบางกิจกรรมที่ต้องการความคมชัดมากเป็นพิเศษ ดังนั้นหลายๆท่านจึงใช้ควบคู่กันไปทั้งสองเลนส์ เช่น ในชีวิตประจำวันใส่โปรเกรสซีฟไว้ตลอดเพื่อใช้ได้ทุกระยะหลายๆกิจกรรม แต่เมื่อต้องมานั่งทำงานหน้าคอมหลายๆชั่วโมง หรืออ่านหนังสือเป็นเล่มๆก็เปลี่ยนมาใช้เลนส์ดีเกรสซีฟแทน เป็นต้น

ปรึกษา The Vision Optic เรื่องการใช้งานเลนส์ Degressive แบบเฉพาะบุคคล นักทัศนมาตรของเราสามารถช่วยออกแบบเลนส์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละบุคคล แต่ละอาชีพ และแต่ละสถานที่ที่ลูกค้าต้องการใช้งานให้ได้โดยเฉพาะ ช่วยให้ลูกค้าใช้เลนส์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงความพิเศษของเราคือการใช้เลนส์เทคโนโลยีล่าสุดที่นำการแสกนกระจกตาและรูม่านตา เข้ามาคำนวณกับค่าสายตาเพื่อให้ได้เลนส์ที่แม่นยำมากกว่าเลนส์ปกติทั่วไป

www.thevisionoptic.com

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การทำงานของร้าน TheVisionOptic

  • เลือกกรอบแว่นที่เหมาะสมกับรูปทรงหน้า และการใช้งานจริง บางท่านอยากได้แว่นไว้ใส่เฉพาะหน้าจอคอม ก็จะต้องเลือกแว่นที่เบาและไม่กระชับมากเพราะจะได้รู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้ใส่แว่น แต่สำหรับบางท่านอยากได้แว่นที่ใส่ได้ทั้งวัน ก็อาจจะต้องเลือกแว่นที่กระชับ (เพราะบางครั้งเจอแดดหน้ามัน หรือจะต้องก้มๆเงยๆอยู่ตลอดทั้งวัน) และต้องใส่แล้วสวย,หล่อ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในแต่ละวัน หรือบางท่านมีปัญหากับแว่นเก่าที่หนักและเป็นรอยตรงดั้งจมูก ก็อาจจะต้องเลือกแว่นประเภทกรอบเจาะหรือกรอบไททาเนียม ที่เบาและกระชับ ฯลฯ
  • รับคำแนะนำเลนส์แต่ละชนิดให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงของแต่ละท่านที่แตกต่างกันไปไม่ซ้ำกัน เช่น เลนส์โปรเกรสซีฟ เลนส์ office เลนส์อ่านหนังสือ เลนส์เปลี่ยนสี เป็นต้น บางท่านมีปัญหาปวดหัว ปวดขมับเวลาใช้สายตา สาเหตุอาจเป็นได้หลายทางเช่น แพ้แดด ตาแห้งจากแอร์ ค่าสายตาที่ไม่เหมาะสมกับระยะที่มอง จึงต้องมีการพูดคุยสอบถามความต้องการให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน หรือ บางท่านอายุมากแล้วไม่สามารถปรับตัวกับเลนส์โปรเกรสซีฟได้ ก็ต้องเลือกเป็นเลนส์สองชั้นแทน หรือ ทำงานกับคอมพิวเตอร์,มือถือ เป็นหลักก็อาจต้องเลือกเลนส์เฉพาะเจาะจงกับตำแหน่งคอมที่ตั้งไว้ประเภทเลนส์นี้เราเรียกว่าเลนส์ office ที่สามารถเลือกตำแหน่งระยะใกล้ไกลของจุดโฟกัสที่เราใช้งานจริงเองได้ ฯลฯ
  • เข้ารับการตรวจสอบค่าสายตา  การตรวจสอบค่าสายตาก็มีการวัดค่าสายตาใกล้ ไกล และหาค่าที่เหมาะสมของแต่ละท่านออกมา โดยอ้างอิงจาก อายุ กล้ามเนื้อตา ความสามารถในการเพ่ง และความจำเป็นที่แตกต่างออกไปในแต่ละบุคคล
  • ปรับกรอบแว่นให้เข้ากับหน้าและช่วงหู  ปรับหาความเหมาะสมและพอดี เวลาสวมแว่นเพื่อไม่ให้แว่นนั้นบีบขมับหรือเกี่ยวหูมากเกินไปจนทำให้เจ็บหูหรือปวดดั้งจมูก  จากการที่แป้นจมูกทิ้มดั้งจมูกมากเกินไปจนรู้สึกรำคาญหรือเจ็บได้ (แว่นที่ดีนั้นจะต้องไม่แน่นมากหรือหลวมมากเกินไป)
  • วัดค่าความห่างของจุดกลางตาดำ(ด้วยเครื่อง impression จาก Rodenstock ) ที่สุดแห่งความแม่นยำด้วยการกำหนดจุด Center ของการประกอบแว่นตาระดับ Hi-End ที่สมบูรณ์แบบจึงจำเป็นจะต้องใช้เครื่องมือระดับโลกอย่างเครื่องimpression มาช่วยในการหาค่าที่ถูกต้อง